จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2562

การเลี้ยงปลาหมอ เลี้ยงง่าย รายได้ดี มีตลาดรองรับ





การเลี้ยงปลาหมอ เลี้ยงง่าย  รายได้ดี มีตลาดรองรับการเลี้ยงปลาหมอ

“ข่อยนี้คือดั่งปลาเข็งข่อน หนองนาน้ำเขินขาด คันแม่นฝนบ่มาหยาดให้ สิตายแล้งแดดเผา เจ้าเอย” ถ้าเว่าถึงปลาที่หาง่าย รสชาติอร่อย หนึ่งในนั้นก็ต้องมีปลาหมอ (ภาษาอีสานเรียกว่า ปลาเข็ง)  การเลี้ยงปลาหมอเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น เนื่องจากปลาหมอในธรรมชาติที่ลดน้อยลง ซึ่งสวนทางกับความต้องการที่สูงขึ้น รสชาติที่มีความหอม เนื้อรสหวานและกลมกล่อม จึงทำให้เริ่มมีการเลี้ยงปลาหมอเชิงพานิชย์เกิดขึ้น  การเลี้ยงปลาหมอสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการเลี้ยงปลาหมอในบ่อซีเมนต์ การเลี้ยงปลาหมอในบ่อดิน หรือการเลี้ยงปลาหมอในกระชัง โดยเกษตรอีสานวันนี้จะนำหลักการเลี้ยงปลาหมอทั่วไปให้พี่น้องบ้านเฮาได้นำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเอง เพราะปลาหมอเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย กินง่าย ทนต่อสภาพแวดล้อม
ราคาปลาหมอ
ราคาปลาหมอ
ปลาหมอ
ปลาหมอ
ปลาหมอเป็นปลาเนื้อนุ่ม รสชาติอร่อย ลักษณะลำตัวป้อมค่อนข้างแบน สีน้ำตาลปนเหลืองดำ ถือว่าเป็นปลาน้ำจืดที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไม่น้อย เพราะเป็นที่ต้องการในตลาดเพื่อการบริโภคอย่างแพร่หลาย สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งแกง ต้ม ทอด ย่าง  ปัจจุบันการเพาะเลี้ยงปลาหมอในไทย มีการพัฒนาสายพันธุ์ปลาหมอเพิ่มขึ้นมาหลายสายพันธุ์ เช่น ปลาหมอชุมพร ปลาหมอนา ปลาหมอสี  แม้ว่าจะยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก แต่กลับมีความต้องการส่งออกไปต่างประเทศค่อนข้างสูง ทั้งที่ในประเทศก็มีความต้องการมากเช่นกัน ดังนั้น  หากมีการส่งเสริมและพัฒนาความรู้เรื่องการเลี้ยงปลาหมอให้กับเกษตรกรได้  ก็จะมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและยังทำให้กลุ่มเกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นด้วย
เมนูปลาหมอทอด
เมนูปลาหมอทอด

การเลือกสถานที่เลี้ยงปลาหมอ

  • ควรเป็นดินเหนียวหรือดินเหนียวปนทราย เพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำได้
  • อยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อให้แน่ใจว่ามีน้ำเพียงพอตลอดทั้งปี

การเตรียมบ่อเลี้ยงปลาหมอ

เริ่มจากการเตรียมบ่อสำหรับการเลี้ยงปลาหมอ เป็นบ่อรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 3 บ่อ ดังต่อไปนี้
  • บ่อสำหรับอนุบาลลูกปลาหมอนา ขนาด 6×7 เมตร
  • บ่อผสมพันธุ์ปลาหมอนา ขนาด 6×7 เมตร
  • บ่อสำหรับเลี้ยงปลาหมอนา ขนาด 6×7 เมตร
การเลี้ยงปลาหมอในบ่อดิน
การเลี้ยงปลาหมอในบ่อดิน
การเลี้ยงปลาหมอในบ่อพลาสติก
การเลี้ยงปลาหมอในบ่อพลาสติก
การเลี้ยงปลาหมอในวงบ่อปูนซีเมนต์
การเลี้ยงปลาหมอในวงบ่อปูนซีเมนต์

การคัดเลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาหมอ

พ่อพันธุ์ ควรมีลักษณะลำตัวยาวว่ายน้ำปราดเปรียว และในการคัดพ่อพันธุ์ให้ทำตอนเช้า หลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำก่อนให้อาหาร  พ่อพันธุ์ที่พร้อมการผสมพันธุ์บริเวณปลายหัวจะออกเป็นสีแดง เกล็ดนวลเงา ไม่เป็นแผล
แม่พันธุ์ ควรจะมีขนาดป้อมสั้น ลำตัวมีความยาวประมาณ 3 นิ้ว การคัดเลือกแม่พันธุ์ปลาหมอนาให้ทำตอนเช้า หลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำก่อนให้อาหารแม่พันธุ์ที่พร้อมจะมีลักษณะท้องบวมเป่ง แสดงว่ามีไข่ อวัยวะเพศมีสีแดงชมพูเรื่อ
พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาหมอ
พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาหมอ

การผสมพันธุ์ปลาหมอนา

ให้ทำการผสมพันธุ์กันในช่วงฤดูฝน คือระหว่างเดือน พ.ค.- ก.ค. ในบ่อผสมพันธุ์ควรใส่น้ำปริมาณความสูง 50-60 เซนติเมตร และหาผักบุ้งใส่ในบ่อด้วย เพื่อเป็นที่กำบังและซ่อนตัวเวลาฟักไข่  นำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาหมอนาอัตราส่วน ปลาหมอตัวเมีย 1 ตัว ต่อ ตัวผู้ 2 ตัว ลงในบ่อ เช่น แม่พันธุ์ 100 ตัว ต่อพ่อพันธุ์ 50 ตัว  แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้ผสมพันธุ์กันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังจากนั้น ให้แยกพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ออกจากลูกปลาหมอที่ยังเป็น ลูกคอก
ปลาหมอโตเต็มวัย
ปลาหมอโตเต็มวัย

การให้อาหารและการอนุบาลลูกปลาหมอ

จัดการน้ำและอาหารธรรมชาติเข้าบ่อและกรองน้ำด้วยมุ้งตาถี่ ระดับน้ำ 50 เซนติเมตร ใช้ปลาป่นผสมรำละเอียดเป็นอาหารในช่วง 3วันแรก เริ่มให้ไข่ พอเริ่มวันที่ 4 ให้ไก่ต้มสุกเอาเฉพาะไข่แดงบดผ่านผ้าขาวบางผสมน้ำสาดทั่วบ่อ และอาหารผงสำเร็จรูปหรือรำละเอียดผสมปลาป่น อัตรา 1 ต่อ 1 หลังจากอนุบาล 3 สัปดาห์ ค่อยๆเพิ่มระดับน้ำเป็น 80 เซนติเมตร
ลูกปลาหมอ
ลูกปลาหมอ
การให้อาหารปลาหมอ
การให้อาหารปลาหมอ

การเปลี่ยนถ่ายน้ำในบ่อเลี้ยงปลาหมอ

ถึงแม้ปลาหมอจะเลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพน้ำ แต่ก็ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำเพื่อให้ปลาเจริญเติบโตได้ดี และกินอาหารได้มากขึ้น  โดยเปลี่ยนถ่ายน้ำประมาณเดือนละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 1 ใน 3 ของปริมาณน้ำในบ่อ เพื่อให้ปลาปรับตัวได้ง่าย และประหยัดน้ำได้มากกว่าเปลี่ยนหมดทั้งบ่อ
การอนุบาลลูกปลาหมอ
การอนุบาลลูกปลาหมอ

ระยะเวลาและการจับปลาหมอ

โดยทั่วไปใช้เวลาเลี้ยง ประมาณ 90-120 วัน ถ้าจำหน่ายเมื่อโตเต็มที่ จะได้ราคาอย่างน้อยกิโลกรัมละ 150 บาท แต่ถ้าเลี้ยงเพื่อเพาะพันธุ์ลูกปลาขาย  ราคาทั่วไปที่จำหน่ายคือ ตัวละ 1 บาท
การจับปลาหมอเพื่อจำหน่าย
การจับปลาหมอเพื่อจำหน่าย


เลี้ยงหอยขมและกุ้งรวมกันในบ่อปูน ต้นทุนน้อย เลี้ยงกินก็ง่าย เลี้ยงขายรายได้ดี!





เลี้ยงหอยขมและกุ้งรวมกันในบ่อปูน ต้นทุนน้อย เลี้ยงกินก็ง่าย เลี้ยงขายรายได้ดี!

  ต้องยอมรับว่าค่าครองชีพทุกวันนี้สูงมาก มนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเรา หากมีรายได้จากเงินเดือนอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในแต่ล่ะเดือน หลายคนจึงเลือกที่จะหารายได้เพิ่ม จากการทำงานพาร์ทไทม์ ขายของออนไลน์ หรือหาทางเพิ่มรายได้จากการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ ขายอาหารหลังเลิกงาน เป็นต้น หากตอนนี้เงินเดือนของคุณยังไม่เหลือเก็บ ใช้เดือนชนเดือนอยู่บ่อยๆ ลองหารายได้เสริมจากการเลี้ยงกุ้งรวมกับหอยขมดูไหม เป็นทางเลือกที่ดีอย่างหนึ่ง สามารถเพิ่มรายได้ให้คุณได้ง่ายๆ และไม่ค่อยรบกวนงานประจำของคุณอีกด้วย ปัจจุบันราคากุ้งฝอยในท้องตลาดเริ่มตั้งแต่กิโลกรัมละ 300-400 บาท และหอยขมราคาประมาณ 50-70 บาท  มีวิธีการเลี้ยงอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
เริ่มต้นจากการเตรียมบ่อ
วิธีเตียมบ่อ
เติมน้ำ 3/4 ของบ่อ แล้วใส่หยวกกล้วยสับลงไปแช่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้หยวกกล้วยช่วยกำจัดฤทธิ์ปูน ช่วยปรับค่า PH ในบ่อให้สมดุล พอครบ 1 สัปดาห์ หรือสังเกตว่ามีหนอนแดงเกาะตามขอบบ่อแสดงว่าบ่อพร้อมใช้งาน ให้เก็บหยวกกล้วยออกแล้วใส่ดินลงไป ครึ่งคืบ ใส่น้ำค่อนวง เลี้ยงพืชน้ำ พวกผักตบจอกแหน ซักสองอาทิตย์จะเริ่มมีตะไคร่น้ำเขียวๆเกาะตามขอบวง ปล่อยหอยและกุ้งได้เลย ให้อาหารปลาดุก(ทีละน้อย) ให้เศษผักทีละน้อย ถ้าให้พอดีน้ำจะไม่เน่า
หรืออีกวิธีคือ ใช้น้ําส้มสายชู เติมลงไป ทิ้งไว้ 2-3 วัน แล้วเปลี่ยนน้ําออก แล้วเติมน้ําใหม่เข้า วัดค่า ph ถ้าอยู่ในช่วง 7.5-8.5 ก็ถือว่าใช้ได้
• นำพืชน้ำที่เตรียมไว้ลงไปปลูก โดยพืชน้ำที่จะเป็นที่อาศัยของกุ้งฝอย อย่างสาหร่ายหรือ ผักตบชวาเพื่อช่วยในการปรับสภาพน้ำในบ่อด้วย
•  แล้วปล่อยกุ้งลงไปประมาณ 5 ขีด ต่อ 1 บ่อ ช่วงปล่อยกุ้งลงไปไม่ต้องให้อาหารประมาณ 7 วัน เพื่อให้กุ้งปรับสภาพในบ่อ
อาหารกุ้งฝอย
1.ต้มไข่ให้สุก เอาเฉพาะไข่แดง 2 ฟอง
2.รำอ่อน 3 ขีดผสมให้เข้ากัน ปั้นเท่ากำปั้น โยนลงไปในบ่อประมาณ 3 ก้อน หลังจากให้อาหารประมาณ1 เดือน กุ้งจะวางไข่ให้สังเกตตอนกลางคืนโดยการนำไฟฉายมาส่องดูว่ากุ้งจะวางไข่หรือไม่
เทคนิคการเร่งกุ้งให้วางไข่ ให้นำสายยางน้ำประปามาเปิดลงในบ่อ โดยการเปิดแรงๆ ประมาณ 10-20 นาที เพราะกุ้งชอบเล่นน้ำไหลแล้วจะดีดตัวทำให้ไข่ตกลงมา (ธรรมชาติน้ำนิ่งกุ้งไม่วางไข่) ประมาณ 1-2 เดือน กุ้งก็จะโตเต็มที่ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 4 เดือน จะได้กุ้งประมาณ 20-30 กิโลกรัม
สูตรวิธีการช่วยดับกลิ่นฆ่าเชื้อโรคในบ่อ และให้กุ้งโตเร็ว
1.EM 2 ช้อนแกง
2.กากน้ำตาล 2 ช้อนแกง
3.น้ำ 1 ลิตร
  นำส่วนผสมมาหมักรวมกันตั้งทิ้งไว้ในที่ร่ม 1 อาทิตย์ อัตราส่วนในการใช้ : อีเอ็ม 1 ลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ใส่บัวรดน้ำราดให้ทั่วบ่อ จะใช้หลังจากที่เติมน้ำลงไปก่อนปล่อยกุ้ง จะช่วยดับกลิ่นฆ่าเชื้อโรคในบ่อ กุ้งโตเร็ว
อาหารสำหรับหอยขม 
ใช้อาหารปลาสูตรสำหรับปลากินพืชทั่วไป นำไปใช้ได้เลย ให้ตามอัตราที่ 2 % ต่อน้ำหนักตัวของหอย โดยลองเอาหอยแต่ละช่วงอายุที่เราเลี้ยง สุ่มเอามาชั่งน้ำหนักดู เช่น ชั่งได้ 1,000 กรัม (หรือ 1กิโลกรัม) จากนั้นก็เอาจำนวนตัวหอยที่ชั่ง มาหารน้ำหนัก ก็จะเป็นน้ำหนักเฉลี่ย หรือน้ำหนักหอย 1 ตัว แล้วค่อยคำนวณหาจำนวนหอยโดยประมาณของหอยทั้งหมดในบ่อ แล้วคูณ ด้วย 2%  ก็จะได้น้ำหนักอาหารที่ควรจะให้กับหอย เพราะเราไม่รู้ว่า ในบ่อนั้นมีหอยเกิดใหม่ หรืออาศัยอยู่หลังจากเราปล่อยลงไปตอนแรกกี่ตัว  ให้ใช้วิธีกะประมาณเอาง่ายที่สุด และไม่ควรให้อาหารน้อยเกินไป เพราะหอยจะไม่อวบ ไม่สมบูรณ์ แต่ถ้าให้เยอะเกิน ระวังน้ำจะเสียได้ หอยจะชอบกินพวกตะไคร่น้ำ หรือสารอินทรีย์ที่ล่องลอยอยู่ในน้ำได้อยู่แล้ว ฉะนั้นอย่าเผลอให้อาหารเยอะเกินไป และน้ำในบ่อสะอาดก็เป็นอันใช้ได้
ระยะเวลาการเลี้ยงหอย
ไม่นานเกินรอประมาณ 2 เดือน ได้เริ่มจับขายแน่นอน แต่ต้องทยอยจับ เพราะหอยพวกนี้โตไม่เท่ากัน และมีหลายขนาด พวกมันขยายพันธุ์ได้ดีมาก เพราะในตัวเดียวกันมีสองเพศ พูดง่าย ๆ มันไม่ต้องจับคู่ผัวเมียผสมพันธุ์เหมือนสัตว์อื่นๆ  ผสมในตัวเอง แล้วออกลูกเป็นตัวได้เลย หอย 1 ตัวออกลูกประมาณ 40 - 50 ตัว
 
ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยอีกทางหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการหารายได้เพิ่มจากงานประจำ ใครที่สนใจก็ลองทำดูนะคะ นอกจากจะเลี้ยงง่ายแล้ว ราคาก็ยังดีอีกด้วย ช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าได้ไม่น้อยเลย